4 ขั้นตอน สร้างธุรกิจการสอนให้สำเร็จ

โดยไม่ต้อง Hard Sell และไม่สูญเสียจิตวิญญาณความเป็นครู

  • angle-right
    ไม่ต้อง Hard Sell ก็ดึงดูดให้คนมาเรียนกับคุณได้
  • angle-right
    ขั้นตอนแบบละเอียดที่จะทำให้ การทำธุรกิจการสอน มีรายได้อย่างต่อเนื่อง และเติมเต็มจิตวิญญาณของคุณ
  • angle-right
    4 ขั้นตอนในการวางกลยุทธ์ เพื่อจะทำให้คนสมัครใจมาเรียนกับคุณ โดยที่คุณไม่ต้องไปบีบคอหรือคะยั้นคะยอให้พวกเขาสมัคร!

สวัสดีครับ ผมกิตติ ไตรรัตน์ นักเดินทางภายใน และที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์สำหรับธุรกิจการสอน

ผมจะช่วยให้คุณไปเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

คุณต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงใช่ไหม?

สวัสดีครับ เพื่อนผู้มีหัวใจความเป็นครู

ผมกิตติ ไตรรัตน์ นักเดินทางภายในและที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์สำหรับธุรกิจการสอน


การ “แบ่งปันและสร้างความเปลี่ยนแปลง” มันสำคัญและมีความหมายอย่างไรกับคุณ?


และการที่คุณตั้งใจกดเข้ามาอ่านบทความนี้ ผมเชื่อว่ามันก็บ่งบอกว่าคุณคือคนหนึ่ง ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้มาก


แต่สิ่งที่หยุดยั้งคุณเอาไว้ ให้ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างได้ นั่นก็คือ ....

คุณคิดว่า...

“ฉันขายไม่เก่ง”

“ฉันขายของไม่ได้”

“ฉันไม่ต้องการเสียจิตวิญญาณของความเป็นครู”


แต่มันคือความเชื่อที่ผิดครับ!

ที่จริงแล้ว ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การขายหรอก!


เพียงแค่คุณทำตามกลยุทธ์ที่ถูกต้อง “การขาย” จะไม่ใช่ปัญหาของคุณอีกต่อไป เพราะผู้คนจะขอจ่ายเงินให้คุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องกดดันให้พวกเขาซื้อ!

Mindset สำคัญ ก่อนวางกลยุทธ์

ก่อนที่จะไปถึงเรื่องขั้นตอนต่าง ๆ มันมี Mindset สำคัญที่คุณต้องเข้าใจก่อนครับ

คุณต้องรู้ก่อนว่าเป้าหมายในการทำธุรกิจการสอน เพื่อสร้าง Impact ของคุณคืออะไร


ถ้าสิ่งที่คุณต้องการนำเสนอ มันเป็นประเด็นที่คนทั่วไปสนใจ หรืออยู่ในกระแสที่ร้อนแรงมาก การสอนของคุณจะสร้าง Impact ในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว


แต่ถ้าสิ่งที่คุณจะนำเสนอ มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเขาสนใจ ไม่ได้อยู่ในกระแส การสอนของคุณจะไม่ได้ดังเปรี้ยง เป๊ะปัง อย่างที่คุณตั้งใจหรอกครับ


ตัวอย่างง่าย ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ที่คนสนใจเรื่องภาษีอย่างมาก เพราะกังวลเรื่องการจ่ายภาษีตามกฎหมายใหม่


ถ้าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี มีความรู้ความเข้าใจ และมาสอนในสิ่งที่คนต้องการมาก ๆ อยู่แล้ว คุณจะขายได้ง่าย และขายได้เร็ว (แน่นอน คุณต้องมีของที่ดี และมีการนำเสนอที่น่าสนใจควบคู่ด้วย)


แต่ถ้าทั้งโลกกำลังสนใจเรื่องภาษีอยู่นั้นเอง คุณกลับสอนเรื่อง “การดำน้ำลึกในขั้วโลกใต้”

... คนที่เลือกฟังคุณ ก็คงไม่เยอะเท่าคนที่สนใจเรื่องภาษีหรอกจริงไหมครับ?


ดังนั้นคุณต้องรู้ว่าเป้าหมายในการแบ่งปันการสอนของคุณคืออะไร กลุ่มเป้าหมายคือใคร?


เพื่อประเมินได้ว่ากลุ่มคนที่จะสนใจเรื่องนี้มีมากน้อยแค่ไหนด้วย


ไม่ใช่เอะอะก็จะคิดว่า ใช้วิธีการเดียวกันแล้วมันจะเวิร์คและได้ผลเหมือนกันไปซะทุกครั้ง!!


คนกำลังเฝ้ารอและพร้อมควักเงินซื้อสิ่งที่เขาต้องการ แต่เขาแค่ไม่ชอบถูกใครมาบังคับขายในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ


เข้าใจนะ!


4 ขั้นตอน สร้างธุรกิจการสอนให้สำเร็จ โดยไม่ต้อง Hard Sell

นี่คือ 4 ขั้นตอนที่กูรูระดับโลก ที่เราเต็มใจจ่ายเงินเพื่อศึกษากับเขาเป็นหมื่นเป็นแสน โดยที่ไม่รู้สึกว่าถูกเขากดดันให้ซื้อใช้

ซึ่งคุณก็สามารถทำได้เช่นกัน…. มาดูกันเลยครับว่ามันมีอะไรบ้าง?

ขั้นที่ 1 - มีข้อเสนอที่ชัดเจน

คุณต้องมีข้อเสนอที่ชัดเจนก่อน และขอเสนอที่ชัดเจนนี้ก็ต้องเป็นข้อเสนอที่ ผู้รับต้องการได้รับ ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการให้


ลองเทียบง่าย ๆ แบบนี้นะครับ ลองอ่านข้อความข้างล่างนี้ แล้วลองเปรียบเทียบดูว่าคุณรู้สึกสนใจเรื่องไหนมากกว่ากันระหว่าง....


1. เทคนิคการเต้นง่าย ๆ ที่บ้าน ที่จะทำให้คุณแข็งแรง และลดน้ำหนักได้ 5 – 10 กิโลฯ ใน 30 วัน


2. เทคนิคการเต้นลีลาสชั้นสูง ที่คนระดับ World Class ทุกคนต้องรู้ เพื่อจะโดดเด่นในการเข้างานสังคม


ใช่ครับ! คุณจะเลือกในสิ่งที่คุณคิดว่าสอดคล้องกับความต้องการของคุณ


และจากตัวอย่าง 2 ข้อนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า ข้อเสนอ 1 ดีกว่าข้อเสนอที่ 2

แต่ ข้อเสนอที่ 1 ตรงใจคนที่ต้องการดูแลสุขภาพและลดน้ำหนักมากกว่า ข้อเสนอที่ 2

และข้อเสนอที่ 2 ก็ตรงใจ ของคนที่ต้องการเข้าไปอยู่ในสังคมชั้นสูง มากกว่าข้อเสนอที่ 1


ก็แค่นั้นเอง!! 

การที่จะดึงดูดให้คนเข้ามาเรียนกับคุณได้นั้น คุณต้องชัดเจนเสียก่อนว่า.. คุณจะนำเสนออะไร? และนำเสนอมันให้กับใคร?

วิธีสร้างข้อเสนอที่ตรงใจ และทำให้ธุรกิจการสอนของคุณประสบสำเร็จ

ผมสรุปวิธีการสร้างข้อเสนอเป็น 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ครับ

เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ชัด

วิเคราะห์ปัญหา

lightbulb-o

นำเสนอทางแก้

1. เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน


ก่อนที่จะคิดถึงข้อเสนอ คุณต้องคิดว่า..

ใครกันล่ะ ที่คุณจะรู้สึกสนุกที่ได้ช่วยเหลือพวกเขา?


ถ้าคุณไม่อยากทำงานกับคนที่จะทำให้คุณปวดหัว

จนกระทั่งต้องมาเกลียดงานที่คุณรักในภายหลัง

จงเลือกทำงาน กับคนที่จะทำให้คุณได้ทำงานอย่างสนุกครับ


2. วิเคราะห์ปัญหาของพวกเขา


พวกเขามีปัญหาอะไร? และพวกเขาต้องการอะไร?

มันมี 2 วิธีที่คนใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย

  • angle-right
    เดา หรือ มโนไปเลย 
    เดา หรือ มโนขึ้นมาเอง จากประสบการณ์ของคุณได้เลย – ข้อดีคือวิธีนี้คุณจะสามารถเริ่มต้นได้เร็ว และไม่วุ่นวายมากนัก ส่วนข้อเสียก็คือ คุณอาจจะมโนและคิดไปเอง จนสร้างข้อเสนอที่ไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริงขึ้นมา
  • angle-right
    หาข้อมูลผ่านเครื่องมือต่าง ๆ
    ข้อดีของวิธีนี้คือ คุณจะได้ข้อมูลที่แม่นยำ และมีโอกาสในการสร้างข้อเสนอที่ตรงใจได้ง่าย ส่วนข้อเสียคือ มันจะวุ่นวาย มีเงื่อนไขเยอะ และคุณต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสักเล็กน้อย

สำหรับเครื่องมือในการวิเคราะห์ความการของกลุ่มเป้าหมาย ก็มีดังนี้ครับ


  • โทรศัพท์ - ไม่ได้กวนนะครับ แต่การโทรไปพูดคุยกับคนที่มีลักษณะตรงกับกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ของคุณนี้แหละ ที่จะทำให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมามากที่สุด ถามเขาไปเลยว่าเขามีปัญหาอะไร ต้องการการช่วยเหลือในแง่ใดบ้าง
  • Survey – การทำแบบสอบถามเพื่อถามกลุ่มเป้าหมายไปตรง ๆ วิธีนี้คุณอาจจะต้องมีของขวัญไปแลกักเล็กน้อย เพื่อจูงใจให้เขาตอบแบบสอบถามของคุณ ข้อควรระวังคือ... อาจมีคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเข้ามาตอบด้วย ซึ่งอาจทำให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลพลาดไปบ้างเล็กน้อย
  • Pantip – Search หาเอาตามห้องต่าง ๆ ใน Pantip ได้เลยครับ เพราะมีคนมากมายมาพิมพ์เพื่อถามคำถามอยู่เป็นประจำ คุณดูว่าคำถามใดที่มีคนให้ความสนใจเยอะ ๆ นั่นก็เป็นสัญญาณบอกว่า คนกำลังสนใจในเรื่องนี้อยู่ และการอ่านกระทู้เหล่านี้ จะทำให้คุณเข้าใจความคิดของผู้คนได้มากขึ้นด้วย
  • Buzzumo – เจ้าตัวนี้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่เจ๋งมาก เพียงเราพิมพ์เรื่องที่เราต้องการสอนลงไป มันจะช่วยวิเคราะห์ว่าทั่วโลกตอนนี้ มีคนที่พูดถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้าง และหัวข้อไหนที่ได้รับการสนใจมากที่สุด รวมไปถึงคำถาม ที่คนชอบถามเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าว และด้วยความที่มันวิเคราะห์ได้ละเอียดมาก ๆ มันจึงมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ (แต่แอบกระซิบว่า รุ่นน้องของผมคนนึงเป็น Partner กับ Buzzumo อยู่ ถ้าอยากใช้ในโปรพิเศษทักมาถามได้นะครับ)


เมื่อคุณวิเคราะห์ถึงปัญหาหรือความต้องการของเขาไปแล้ว ก็จะมาถึงขั้นที่ 3 ในการออกแบบข้อเสนอ


3. นำเสนอทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม


เมื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร และรู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไร ขั้นต่อมาคือการเลือกข้อเสนอที่จะแก้ปัญหาให้กับพวกเขาได้

เพื่อจะพาเขาไปสู่ผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ


ขั้นตอนที่จะพาเขาไปสู่ทางออกคืออะไร?

เขาต้องมีความรู้อะไรบ้าง?


ให้คุณเขียนขั้นตอนทั้งหมดออกมา เพื่อที่จะร่างเป็นข้อเสนอของคุณ


Tips: สร้างข้อเสนออย่างน้อย 2 ข้อ

เวลาสร้างข้อเสนอ ผมแนะนำให้คุณสร้างข้อเสนออย่างน้อย 2 ข้อเสนอ

โดยเราจะใช้ข้อเสนอที่ 1 ไปใช้ในการดึงดูดผู้คนเข้ามาด้วยความสมัครใจ

และใช้ข้อเสนอที่ 2 เพื่อมอบให้กับคนที่ต้องการเรียนรู้กับคุณให้ลึกลงไปอีก


4. สร้างสินค้าหรือบริการ


พอคุณได้ข้อเสนอเรียบร้อยแล้ว ก็เปลี่ยนข้อเสนอของคุณให้ออกมาเป็นรูปแบบของสินค้าหรือบริการ

โดยคุณสามารถเลือกได้หลากหลายรูปแบบ


เช่น

  • Audiobook
  • Podcast
  • eBook
  • หนังสือเป็นเล่ม
  • Online Course
  • Membership Site


ทีนี้ ข้อเสนอที่ชัดเจนของคุณ ก็พร้อมออกไปทำหน้าที่ดึงดูดคนที่ใช่ขึ้นมาแล้ว


ซึ่งเราจะมาทำให้ข้อเสนอของคุณ มีความน่าสนใจมากขึ้น ด้วยเทคนิคในขั้นที่ 2


Copyright - Kitti Trirat

>