3 ขั้นตอนเพื่อพาคุณไปสู่จุดที่ดียิ่งขึ้น
เพื่อที่จะสนับสนุนให้คนที่มาปรึกษาได้ค้นพบแสงสว่างทางปัญญาผมได้ศึกษาหาความรู้จากศาสตร์หลายแขนง
จากการศึกษาหาความรู้และมีประสบการณ์การเรียนด้านให้คำปรึกษา การเป็นเทรนเนอร์ ศึกษาเรื่องจิตบำบัดมาเล็กน้อย รวมถึงเรียนรู้ด้านการโค้ช และการทำกระบวนการ
ผมพบว่าแต่ละสายจะมีแนวทางหรือวิธีการที่แตกต่างกัน
ขอยกตัวอย่างให้ชัดเจนมากขึ้น
การโค้ช จะใช้กระบวนการตั้งคำถาม เพื่อคิดถึงทางออก
การบำบัด จะใช้กระบวนการตั้งคำถาม เพื่อขุดลึกเพื่อทลายปัญหา
การเป็นที่ปรึกษา จะใช้การบอกถึงประเด็นที่เป็นปัญหา เพื่อให้เกิดการแก้ไข
ส่วนเทรนเนอร์ จะใช้การบอกการสอนบอกแนวทาง เพื่อให้เห็นทางออกได้
ต่างแนวทาง แต่เป้าหมายเดียวกัน
แม้แต่ละศาสตร์จะมีแนวทางและใช้วิธีการที่แตกต่างกัน
แต่ทุกศาสตร์ ก็มุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
นั้นก็คือ “การสนับสนุนให้คนมีชีวิตดีขึ้น”
และจากประสบการณ์ที่ได้มีส่วนร่วมและเข้าใจเพื่อน ๆ ที่ทำงานบนศาสตร์ที่แตกต่างกัน
ผมก็เห็นว่าไม่มีเครื่องมือใดที่ดีที่สุด และเหมาะสมสำหรับคนทุกคนเลย
ซึ่งคน 1 คน ก็อาจจะต้องการแนวทางหรือวิธีการที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ผมมองหาจุดร่วมและตกผลึกหาแนวทาง ที่จะใช้ข้อดีของทุกศาสตร์มาช่วยให้คนสามารถใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาชีวิตได้อย่างกลมกลืน
และผมก็พบจุดร่วม ที่ผมก็เรียกมันว่า “กระบวนการ PAC”
กระบวนการ PAC เป็น กระบวนการที่เปิดกว้างสำหรับการใช้เครื่องมือและวิธีการที่แตกต่างกัน เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าเครื่องมือ ก็คือกระบวนการที่จะสนับสนุนการเติบโตของผู้คน
โดย PAC จะแบ่งกระบวนการเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้
P: Pause
A: Awareness
C: Change
PAC
ขั้นที่ 1 Pause คือ การหยุด การตั้งสติ
การหยุดนี้ ไม่ใช่การหยุดแบบปล่อยปะไม่ทำอะไรเลย
แต่มันคือการหยุดเพื่อวางอารมณ์ ความคิด ความสับสนที่กำลังร้อนรนภายในใจ
หยุดเพื่อให้สติสัมปชัญญะของเรากลับคืนมาเสียก่อน และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เราใช้ปัญญานำชีวิตได้
เทคนิคในการหยุดง่าย ๆ อย่างเช่น “การกลับมาอยู่กับลมหายใจ” “การหลับตาอยู่นิ่ง ๆ กับตัวเอง”
ขั้นที่ 2 Awareness คือ การตระหนักรู้
การตระหนักรู้ คือ การรับรู้ความจริงโดยปราศจากการตีความ มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามความจริง ไม่บวก ไม่ลบ
เมื่อเราสามารถมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นกลางและความเข้าใจแล้ว มันจะช่วยทำให้เรามองเห็นทางออกที่สมเหตุสมผล
โดยขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้นได้ยากมาก หากไม่ผ่านการ “หยุด” ในขั้นที่ 1 เสียก่อน
เพราะโดยปกติ เรามักจะมีความคิดที่เอนเอียง และบิดเบือนจากความเป็นจริงด้วยกันทุกคน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว เราก็ไม่รู้ (หรือไม่คิด) ว่าเรากำลังบิดเบือนความเป็นจริงอยู่
ขั้นที่ 3 Change คือ การเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลง คือการที่เราใช้สติปัญญา ในการเลือกทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้ตัวเอง
โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ เราจะใช้เครื่องมือใดเพื่อเปลี่ยนทิศทางชีวิตก็ได้ เช่น การฝึกอบรม การเยียวยาบำบัด การใช้การโค้ช ฯลฯ
เราจะสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม และวิธีการที่สนับสนุนให้คนเติบโตและมีปัญญาในการดำเนินชีวิตได้
ใช้ปัญญานำชีวิต
ผมนำองค์ความรู้นี้มาจัดกระบวนการเรียนรู้ ใช้ชื่อคอร์สว่า Self-Leadership เพื่อสนับสนุนให้คนสามารถใช้ปัญญานำชีวิต ทำให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืน
จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นของผู้ที่เข้าร่วมคอร์สนี้ มันก็ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่า…
เมื่อเขาหยุดตั้งสติ ไม่รีบปฏิเสธความรู้สึกที่เกิดขึ้น
และเขาได้กลับมารับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
เขาจะสามารถดึงเอาพลังสติปัญญามาใช้ เพื่อทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้จริง ๆ
หากคุณรู้สึกว่ากำลังสับสนและหาทางออกไปเจอ ลองนำกระบวนการ 3 ข้อนี้ไปปรับใช้ดูนะครับ
ติดตามผมผ่านช่องทางอื่นที่:
Facebook > Kitti Trirat
YouTube > Kitti Trirat
Podcast > Kitti Trirat
** หากต้องการรับแจ้งเตือนบทความใหม่ทาง email สามารถกรอกอีเมล์ในช่องลงทะเบียนด้านล่างสุดของบทความนี้นะครับ
Resource:
Photo by Svyatoslav Romanov on Unsplash